บทความ เรื่อง "รองประธาน FIFA ผู้สร้างตำนานยุครุ่งเรืองข องฟุตบอลเมืองไทย"
ในขณะที่การแข่งขันฟุตบอลระ ดับสโมสร “ไทยพรีเมียร์ลีก” กำลังได้รับความนิยมอย่างไม ่เคยปรากฏมาก่อนทั่วทุกภูมิ ภาค แต่วลีที่ว่า “ลีกที่แข็งแกร่ง ผลงานทีมชาติก็จะแข็งแกร่ง” กลับสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับ ผลงานระดับชาติ ของ “ทีมชาติไทย” ที่ผ่านมา ถือว่าล้มเหลวในรอบ 38 ปี ทั้งที่ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มีนายกสมาคมเป็นถึง “บอร์ด FIFA” ...อันจะต้องแสดงศักดิ์ยภาพสร้ างความสำเร็จระดับทวีป ดังเช่นอดีตกว่า 4 ทศวรรษ คอลูกหนังชาวไทยและเอเชียต่ างเคยชื่นชมกับผลงานของ “พล.ต.ท. ต่อศักดิ์ ยมนาค” ในฐานะนายกสมาคมฯ และควบตำแหน่ง “รองประธานฟีฟ่า ฝ่ายกิจการเอเชีย” ผู้สร้างยุครุ่งเรืองของวงก ารฟุตบอลลุ่มน้ำเจ้าพระยา
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ยมนาค หรือ “ลุงต่อ” ของแฟนบอลสนามศุภฯ อดีตนักเตะขาสั้นโรงเรียนสว นกุหลาบวิทยาลัยชุดชนะเลิศช ิงโล่ของกระทรวงธรรมการ ด้วยความรักในกลิ่นสาปลูกหน ังจึงได้รับเสียงสนับสนุนจา กมวลสโมสรให้ขึ้นเป็นนายกสม าคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คนที่ 10 (พ.ศ. 2504-2515) ก่อนสร้างความเจริญให้กับวง การกีฬาลูกหนังเมืองไทย จนได้รับเลือกจากชาติสมาชิก “FIFA” ทั่วโลก ให้เป็น “รองประธานฟีฟ่า ฝ่ายกิจการเอเชีย” ระหว่างปี พ.ศ.2509-2517 อีกหนึ่งตำแหน่ง
สำหรับการบริหารจัดองค์กรแล ะพัฒนาระบบการแข่งขัน นั้น พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ยมนาค มี มรว.แหลมฉาน หัสดินทร เป็น “ฝ่ายบุ๋น” ด้านการเงิน และ พ.ต.ประเทียบ เทศวิศาล หรือ “นายพันลูกหนัง” (ยศขณะนั้น) เป็น “ฝ่ายบู๊” ด้านการเตรียมทีมฟุตบอลชาติ ไทย นอกจากนี้ยังมี อ.สำเริง ไชยยงค์ หรือ “ปรมาจารย์ลูกหนังเมืองไทย” ช่วยฝึกสอนนักเตะระดับเยาวช นของสมาคมฯ โดยงานแรกของสภากรรมชุด “ลุงต่อ” คือ การขอพระราชทาน “ถ้วย ค” และ “ถ้วย ง” ทำให้การแข่งขันฟุตบอลภายใน ประเทศ มีครบทั้ง 4 ดิวิชั่น (แบบอังกฤษ) ในปี พ.ศ.2505 ก่อนจะขอพระราชทานถ้วย “คิงส์คัพ” การแข่งขันระดับชาติของสมาค มฟุตบอลฯ และทวีปเอเชีย ในปี พ.ศ.2511 ตลอดจนการส่งนักเตะไปเก็บตั วฝึกซ้อมที่ทวีปยุโรป (เยอรมนี, นอร์เวย์, สวีเดน) เป็นเวลานานร่วม 2 เดือน ในกลางปี พ.ศ.2508 จนทำให้สองผู้เล่นทีมชาติไท ย ได้รับคัดเลือกเป็น “ASIA ALL STAR” คือ อัศวิน ธงอินเนตร (พ.ศ.2508) และณรงค์ สังขสุวรรณ์ (พ.ศ.2515)
ทีมชาติไทยในสมัยบริหารของ “ลุงต่อ” จึงสามารถสร้างผลงานระดับทว ีปเอเชีย คือ ทีมเยาวชนไทยชนะเลิศฟุตบอลเ ยาวชนแห่งเอเชีย 2 สมัย (ครั้งที่ 4 พ.ศ.2505, ครั้งที่ 12 พ.ศ.2512), ทีมชาติไทยชนะเลิศฟุตบอลกีฬ าแหลมทอง ครั้งที่ 3 (พ.ศ.2508) ความสำเร็จครั้งแรกของชุดให ญ่ ก่อนนำพาทีมชาติไทยเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโอลิมปิค ครั้งที่ 19 ค.ศ. 1968 (พ.ศ.2511) ณ ประเทศเม็กซิโก
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ยมนาค ยังหาเงินรายได้เข้าสู่คลัง ของสมาคมฯ จนสามารถนำไปซื้อที่ดินเพื่ อเตรียมสร้างสนามฟุตบอลและท ี่ทำการถาวรของสมาคมฯ แต่เมื่อท่านพ้นจากตำแหน่ง เกิดเหตุอัปยศมี “เหลือบ” นำที่ดินดังกล่าว ไปแอบขายจนเป็นข่าวอื้อฉาวบ นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ท ุกฉบับ
ใน พ.ศ. 2527 พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ยมนาค จึงได้รับรางวัลแห่งเกียรติ ยศ “บุคคลผู้ทรงคุณค่าในรอบ 30 ปี ของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชี ย AFC.” (AFC DISTINGUISHED SERVICE AWARD RECEIPIENTS 1984) เป็นโทรฟี่สุดท้ายของชีวิตค นลูกหนัง
ปัจจุบันกาล สมาคมฟุตบอลฯ คือ องค์กรกีฬาที่มีเงินสนับสนุ นทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนม ากที่สุดของประเทศไทย แต่กลับไม่สามารถจะสร้างบัน ทึกหน้าใหม่ให้เป็นเกียรติภ ูมิของทีมชาติไทย ดังสมัยของ “พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ยมนาค” ผู้สร้างยุครุ่งเรืองของวงก ารฟุตบอลเมืองไทย หรือจะเป็นดังสุภาษิตจีน ที่กล่าวไว้ว่า “สิบปีปลูกต้นไม้ ร้อยปีสร้างทรัพยากรมนุษย์” .
จิรัฏฐ์ จันทะเสน ผู้เขียน
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญ ัติ
ในขณะที่การแข่งขันฟุตบอลระ
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ยมนาค หรือ “ลุงต่อ” ของแฟนบอลสนามศุภฯ อดีตนักเตะขาสั้นโรงเรียนสว
สำหรับการบริหารจัดองค์กรแล
ทีมชาติไทยในสมัยบริหารของ “ลุงต่อ” จึงสามารถสร้างผลงานระดับทว
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ยมนาค ยังหาเงินรายได้เข้าสู่คลัง
ใน พ.ศ. 2527 พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ยมนาค จึงได้รับรางวัลแห่งเกียรติ
ปัจจุบันกาล สมาคมฟุตบอลฯ คือ องค์กรกีฬาที่มีเงินสนับสนุ
จิรัฏฐ์ จันทะเสน ผู้เขียน
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญ