บทความ เรื่อง “หมวกพระราชทานทีมชาติสยาม”
ในประวัติศาสตร์กีฬาฟุตบอลท ีมแรกของโลก ที่มีการมอบหมวกให้แก่นักเต ะซึ่งถูกคัดเลือกเป็นผู้แทน ของประเทศ คือ “ทีมชาติอังกฤษ” เมื่อ ค.ศ. 1888 (พ.ศ. 2429) หรือ 123 ปีที่ผ่านมา
ในประวัติศาสตร์กีฬาฟุตบอลท
โดยเรียกหมวกดังกล่าวว่า "หมวกแก๊ป" (INTERNATIONAL CAP) ภายหลังกลุ่มเครือจักรภพอัง กฤษ เวลส์, สก๊อตแลนด์ และไอร์แลนเหนือ จึงเจริญรอยตามประเพณีการให ้หมวกแก่ผู้เล่นทีมชาติ นอกจากเพื่อเป็น...เกียรติประวัติแล้ว ยังแสดงถึงสถิติการลงเล่นระ หว่างชาติ ด้วยจำนวนของหมวกที่ได้รับน ั้นด้วย
ต่อมาอีก 29 ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเ จ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 “องค์พระบิดาแห่งฟุตบอลเมือ งสยาม” พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แร กที่ทรงสำเร็จการศึกษาจากต่ างประเทศ คือ อังกฤษ จึงได้นำประเพณีการมอบหมวกม าใช้กับคณะฟุตบอลสยาม หรือ "ทีมชาติสยาม" ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2458 ณ สนามสามัคยาจารย์สมาคม ภายในบริเวณโรงเรียนสวนกุหล าบวิทยาลัย
โดยรัชกาลที่ 6 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเ กล้าฯ พระราชทานให้คณะฟุตบอลสยามน ำ "ตราพระมหามงกุฎ" ประดิษฐานอยู่เหนือลูกฟุตบอ ล เพื่อนำไปติดไว้บนหน้าหมวก ลักษณะคล้ายกับหมวกลูกเสือส ำรองของไทยในปัจจุบัน คือมีปีกด้านหน้า ส่วนตัวหมวกจะสลับสีแดงและส ีขาว ขลิบเส้นด้วยดิ้นสีทอง และมีภู่บนยอดหมวก พร้อมทั้งมีตัวอักษรและเลขไ ทยเพื่อแสดงวันที่ เดือน และพุทธศักราช ใต้ตราพระมหามงกุฎ อันเป็นเกียรติประวัติการลง แข่งขันระหว่างชาติ ในสมัยนั้น
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพ ฯ เดลิเมล์ ฉบับวันพุธที่ 24พฤศจิกายน 2458 ได้ลงข่าวคำกล่าวของ พระยาประสิทธิ์ศุภการ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ ณ อยุธยา) หรือต่อมาคือ “เจ้าพระยารามราฆพ” สภานายกฟุตบอลคนแรกของสยามป ระเทศ ดังนี้
"...หมวก เครื่องหมายความสามารถฟุตบอ ล ที่ท่านจะได้รับไปในเวลาอีก สักครู่หนึ่งนี้ ก็ได้รับพระราชทานพระบรมราช านุญาต ให้ใช้ตราพระมหามงกุฎ ซึ่งควรรู้สึกว่าเปนเกียรติ ยศการรักชาติ ย่อมจะแสดงได้หลายสถาน แต่การที่ท่านตั้งใจเข้าเล่ นแข่งขัน ให้ถึงซึ่งไชยชนะให้แก่ชาติ ในคราวนี้ ก็เปนส่วนหนึ่งแห่งการรักชา ติ..." (ภาษาเขียนสมัยนั้น)
อนึ่ง นักฟุตบอลทีมชาติสยามที่ได้ รับพระราชทาน “หมวกตราพระมหามงกุฎ” ดังกล่าว และปรากฏชื่อตามสิ่งพิมพ์เก ่าที่ค้นพบหลักฐาน คือ นายอิน สถิตยวณิช, นายต๋อ ศุกระศร, นายภูหิน สถาวรวณิช, นายกิมฮวด (วัฒน์) วณิชยจินดา, นายตาด เสตะกสิกร, นายแถม ประภาสะวัต, นายศรีนวล มโนหรทัต, นายชอบ หังสสูต, นายโชติ ยูปานนท์, นายจรูญ รัตโนดม, หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร, นายบุญชู ศีตะจิตต์, นายสวาสดิ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา, นายอู๋ พรรธนะแพทย์, นายเพิ่ม เมษประสาท, นายบุญสม รัชตะวรรณ และนายผัน ทัพภะเวส
นอกจากนี้ สโมสรฟุตบอลต่าง ๆ ในรัชสมัย "สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า" ล้วนแล้วแต่มีการจัดทำหมวกป ระจำทีม โดยจะมีตราประจำทีมเหล่านั้ น ติดอยู่บนหน้าหมวกเช่นกัน นับว่าเป็นพระวิสัยทัศน์ของ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ที่ทรงต้องการให้ราษฏรชาวสย ามเล่นฟุตบอลเป็นการออกกำลั งกายแล้ว พระราชประสงค์สำคัญประการหน ึ่ง คือการสร้างความสามัคคีและค วามรักในหมู่คณะของคนไทยด้ว ยกันเอง เนื่องจากขณะนั้น “สยาม” ตกอยู่ในฐานะ "รัฐกันชน" ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ ระหว่างชาติมหาอำนาจจักรวรร ดิ์นิยมตะวันตก อังกฤษและฝรั่งเศส นั้นเอง
"หมวกพระราชทานตราพระมหามงก ุฎ" มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประ วัติศาสตร์วงการฟุตบอลเมือง ไทย อันแสดงเอกลัษณ์วัฒนธรรมที่ ทรงคุณค่าแห่งศักดิ์ศรี “เกียรติภูมิทีมชาติไทย” ที่มีตราของสถาบันกษัตริย์ เช่นเดียวกับ "ตราสิงโตสามตัว" บนหน้าหมวกกำมะหยี่สีน้ำเงิ น (BLUE VELVET) ของทีมชาติอังกฤษ เกียรติยศจากสถาบันสูงสุดใน ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น พระประมุข…มาตั้งแต่ปฐมบทต้ นตระกูลฟุตบอลไทย.
จิรัฏฐ์ จันทะเสน ผู้เขียน
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญ ัต
ต่อมาอีก 29 ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเ
โดยรัชกาลที่ 6 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเ
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพ ฯ เดลิเมล์ ฉบับวันพุธที่ 24พฤศจิกายน 2458 ได้ลงข่าวคำกล่าวของ พระยาประสิทธิ์ศุภการ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ ณ อยุธยา) หรือต่อมาคือ “เจ้าพระยารามราฆพ” สภานายกฟุตบอลคนแรกของสยามป
"...หมวก เครื่องหมายความสามารถฟุตบอ
อนึ่ง นักฟุตบอลทีมชาติสยามที่ได้
นอกจากนี้ สโมสรฟุตบอลต่าง ๆ ในรัชสมัย "สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า" ล้วนแล้วแต่มีการจัดทำหมวกป
"หมวกพระราชทานตราพระมหามงก
จิรัฏฐ์ จันทะเสน ผู้เขียน
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญ